วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทคนิค ปิดการขาย 9 วิธี




โดยทั่วไป พนักงานขายจะรู้ว่าในกระบวนการขาย มักประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอนดังนี้

          1.การหา ลูกค้าใหม่
          2. สร้าง ความสัมพันธ์
          3. ตัดสิน ใจเลือกลูกค้า ที่มีศักยภาพ
          4. นำ เสนอการขาย
          5. ปิดการขาย
          6. บริการลูกค้า

          วันนี้ ผมขอพูดเรื่องขั้นตอนที่ 5 การปิดการขาย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พนักงานขายได้รับการตกลงสั่งซื้อสินค้าหรือบริการจาก ลูกค้าอย่างแน่นอน พนักงานขายทุกคนจึงต้องการปิดการขายให้ได้ทุกครั้ง เพราะนั่นหมายถึงเงินรายได้ ผลตอบแทน ค่าคอมมิชชั่น หรืออินเซนทีฟ ที่จะได้จากการขาย

จากตำราเรียน Selling : Principles and Practice เขียนโดย Richard H.Buskirk และ Bruce D.Buskirk พวกเขาแบ่งเทคนิคในการปิด การขายออกเป็น 9 แบบ ดังนี้

1. การทำให้ลูกค้ายินดีตอบรับหรือตกลงด้วยลูกค้าเอง (Continued affirmation)
          การปิดการขายแบบนี้ใช้ขณะที่มีการสนทนา หรือนำเสนอขายกับลูกค้า เพื่อให้ตลอดระยะเวลาของการ นำเสนอขาย มีผลเชิงบวก นั่นคือลูกค้าจะต้องเห็นด้วย หรือ เลือกคำตอบเอง หรือ ตอบใช่ เช่น

* สินค้าของเรามีหลายสี คุณชอบสีไหนครับ ?

* สินค้า ของเรามี 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ต้องการขนาดไหนครับ ?

* ต้องการ ยากี่โหลครับ ?

2. การตั้งเครื่องกีดขวางไว้ก่อน (Erection of Barrier)
          ใช้ได้ ตลอดเวลาขณะสนทนา หรือนำเสนอขายกับลูกค้า เพื่อเป็นการป้องกันการหน่วงเหนี่ยว การผัดวันประกันพรุ่งจากลูกค้า เช่น

* ขอพบผู้บริหารหรือผู้จัดการที่ สามารถลงทุน 200,000 บาท ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีเยี่ยม

* ดิฉัน ต้องการพบกับผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจในการลงทุนด้านการฝึกอบรม 2 วัน จำนวน 300,000 บาท

* ถ้าผม สามารถให้ดีลที่ดีที่สุดวันนี้ ท่านพร้อมจะเซ็นต์ใบสั่งซื้อใช่ไหมครับ

3. ทึกทักหรือสรุปล่วงหน้าว่าลูกค้าตัดสินใจซื้อแล้ว (The Assumptive Close) เช่น

* เท่าที่ผมอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับ สินค้า หากถูกใจหรือใช่สิ่งที่ต้องการ ก็ช่วยเซ็นซื่อด้านล่างเอกสารนี้ได้เลยครับ

* จะให้ ส่งของไปให้ที่ไหนครับ / ค่ะ ?

* จะให้ เราส่ง Invoice ไปให้ใครครับ / ค่ะ ?

4. ปิดการขายด้วยการให้ลูกค้าตัดสินใจใน เรื่องรอง / เรื่องปลีกย่อย (Closing on a Minor Point)
          เทคนิคนี้เป็นการกระตุ้นจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจเรื่องหลักๆ มาด้วยใช้การตัดสินใจเรื่องรองๆ ลงมา เช่น สินค้าของเรามีราคาแพงกว่าสินค้าทั่วไปในตลาด เราก็ไม่ควรนำเรื่องราคาไป convince ลูกค้า แต่ควรมองหาประเด็นอื่น ๆ ไปพูดคุย เช่น

* วันส่งของ

* แผนการ จ่ายเงิน

* สี

* รูป แบบ/ทางเลือก

* จำนวนที่ต้องการ

5. การลดทางเลือกให้เหลือเท่าที่จำเป็น (Narrowing the options)
          บางครั้งการมีจำนวนสินค้ามาก หรือลูกค้าเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องการอะไรกันแน่ จึงหาทางเลือกเยอะๆ พนักงานขายอาจใช้การปิดการขาย โดยลดจำนวนทางเลือกที่เหมาะสมกับลูกค้าเท่านั้น

* พนักงานขายบ้านจะไม่หาลูกค้า เดินชมบ้านทุกหลัง แต่จะเลือกหลังที่น่าจะเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

* คุณคิด ว่าจะฝากเกินประจำกับธนาคารของเรา เดือนละ 10,000 บาท หรือสะดวกฝาก 20,000 บาท ดีคะ

6. นี่เป็นโอกาสสุดท้าย (Standing Room Only)
          ควรใช้กับสถานการณ์ที่เป็น เรื่องจริง เป็นโอกาสสุดท้ายจริง ๆ นะครับ เพราะถ้าใช้บ่อย ๆ ลูกค้าจะไม่เชื่อถือนะครับ เช่น

* ตอนนี้ สินค้าของเรามีเหลือชิ้นนี้ชิ้นเดียวค่ะ

* ตอนนี้ เหลือของอีกแค่โหลเดียว หมดแล้วหมดเลยครับ

* สัปดาห์ นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของโปรโมชั่นนี้นะครับ อาทิตย์หน้าเราจะขายราคาปกติแล้ว

* ตอนนี้ สินค้าตัวนี้ขายดีมาก และทราบมาว่าเดือนหน้าของจะขาด อยากให้สั่งซื้อเผื่อไว้ 2 เท่านะครับ

7. นำเสนอสิ่งจูงใจ พิเศษซื้อปุ๊บรับปั๊บ (Offering Special Inducements to Buy Now)
          เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อทันที เช่น

* ซื้อตอนนี้ นาทีทอง เพียง 60 วินาที รับส่วนลด 10 บาท ทันทีครับ

* สมัครบัตรเครดิตวันนี้ แถมคอมพิวเตอร์ของเล่น สำหรับเด็ก 1 เครื่องฟรีทันที

* จองซื้อรถยนต์...ในงานมอเตอร์โชว์ รับส่วนลดเงินสด 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเพียง 2.55% (เฉพาะการจองในงานนี้เท่านั้น)

8. ขอออร์เดอร์จากลูกค้า (Asking for the Order)
          เป็นการปิดการขายด้วย การบอก ขอ หรือถาม จำนวนที่ลูกค้าต้องการสั่งซื้อ เช่น

* ผมเช็คสต็อกให้แล้ว ของเหลือขายได้อีกเพียงอาทิตย์เดียว รอบนี้ผมว่าน่าจะสั่งเพิ่มขึ้นเป็น 3 โหล นะครับ

* เฮียจะสั่ง 10 หีบ หรือ 15 หีบ ดีครับ

* สรุป แล้ววันนี้คุณพี่จะรับไว้กี่โหลดีค่ะ

* เป็นอัน ว่าจะลงทุนกับกองทุน LTF 100,000 ก่อน ใช่ไหมค่ะ

* ตกลงก็รับเหมือนเดิมนะครับ ผมจะได้ส่งของมาให้ 20 โหล

9. ปิดการขายด้วยการขจัดข้อโต้แย้ง (Closing on an Objection)
          ใช้ในกรณีที่ลูกค้ามีข้อโต้แย้งหลักเพียง ประการเดียว แล้วเราสามารถขจัดข้อโต้แย้ง หรือปัญหานั้นได้ด้วยคุณสมบัติของสินค้าเรา

ที่มาบทความ: บล็อก Oknation

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 เมษายน 2553 เวลา 06:08

    ดิฉันทำงานด้านขายค่ะอยากจะทราบเทคนิคการขายสินค้าที่มีราคาแพง เพราะสินค้าในท้องตลาดถูกกว่ามากเลยขอบทความค่ะ ไมทราบว่าจะหารายชื่อลูกค้าที่มีศักยภาพในการซื้อได้ที่ไหนค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ15 เมษายน 2553 เวลา 18:14

    การหาลูกค้าเริ่มต้นลองดูสินค้าที่เราจะขาย แล้วพิจารณากลุ่มลูกค้าที่เราจะขาย และดูแล้วเขามีกำลังซื้อด้วย ต่อจากนั้นก็ไปนำ้เสนอสินค้าครับ ปิดการขาย ลำดับต่อไปติดตามผล และบริการหลังการขาย ขอให้เขาแนะนำรายชื่อบุคคลที่เขารู้จักที่เขาชอบใช้สินค้าชนิดนี้ จากนั้นไปพบลูกค้ารายใหม่ที่รายเก่าแนะนำมา คร่าวๆ นะครับ

    ตอบลบ