วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

กำลังใจคนขายตรง

กำลังใจคนขายตรง
          การทำธุรกิจเครือข่าย ขายตรง นั้น เสมือนการเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งต้องอาศัยการเล่นเป็นทีมเวิร์คจะขาดผู้เล่นคนใดไม่ได้เลย เช่นเดียวกันการทำธุรกิจเครือข่าย ขายตรง ก็ต้องอาศัยสมาชิกทั้ง up line ,down line และ side line ในการสร้างทีมเวิร์ค การเริ่มต้นแรก ๆ ของการทำธุรกิจอิสระเป็นเรื่อง่ายมาก ๆ แต่การที่จะประสบความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะมันต้องอาศัยคน (สมาชิก) ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ และการเริ่มต้นแรก ๆ โดยส่วนมากก็จะล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อคือ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น ฉะนั้น ท่านใดที่ปรารถนาความสำเร็จ ก็ไม่ควรกลัวความล้มเหลว แต่สิ่งสำคัญทุกท่านควรจะมองหาโค้ชที่จะเป็นผู้ชี้แนะนำให้เราเดินถูกทิศทาง ท่านใดที่ต้องการกำลังใจดี ๆ ที่แห่งนี้มีให้เสมอ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ก้าวสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ ได้เร็ว ๆ

ความล้มเหลว นำมาซึ่งความสำเร็จ

By jaikla k.
อุปนิสัยแห่งความสำเร็จ
         1. คิดล่วงหน้า คิดไว้ก่อนล่วงหน้าเสมอในการที่จะทำอะไร คิดก่อนทำ คิดก่อนพูด ทำสิ่งที่ถูกต้องเสียแต่แรก ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นดีกว่าต้องมาแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แล้ว
          2. คิดถึงผลลัพธ์สุดท้ายของการกระทำ ก่อนเริ่มกระทำการใด ๆ ให้คิดถึงผลลัพธ์สุดท้ายของการกระทำว่า เมื่อกระทำเสร็จสิ้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มีประโยชน์อย่างไร นั่นแปลว่า ให้รู้เป้าหมายของการกระทำ หรือตั้งเป้าหมายแห่งชีวิตที่จะเดินไปให้ถึง
          3. จัดลำดับความสำคัญ มีการจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำ รู้ว่าควรทำอะไร ก่อน – หลัง และต้องทำให้เสร็จทันเวลา แต่ชีวิตก็ต้องมีความสมดุล ไม่ใช่ว่างานจะมาก่อนเสมอไป ครอบครัว งานอดิเรกที่ตนชื่นชอบ ก็สามารถจัดวางให้อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้
          4. คิดแบบชนะ - ชนะ คิดให้ได้ข้อสรุปที่ต่างคนต่างก็ชนะ คือได้ประโยชน์กับทุกฝ่ายไม่คิดทำแบบ ชนะ – แพ้ , แบบแพ้-ชนะ , หรือแบบแพ้ – แพ้ เพราะการแพ้ หมายถึง การสูญเสีย หากเราได้แต่เขาแพ้ เราย่อมเสียเพื่อนเสียพันธมิตร ในเกือบทุกสถานการณ์จะมีทางเลือกแบบชนะ – ชนะ อยู่เสมอ
         5. เข้าใจผู้อื่น พยายามเข้าใจผู้อื่นแม้ว่าจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีไม่ชอบ เพราะเขาอาจจะมีเหตุผลที่ซ่อนอยู่ภายในจึงแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นออกมา การเข้าใจคนอื่น เอาใจเขามาใส่ใจเราจะทำให้ลดความขัดแย้ง แล้วจะช่วยให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้น รู้จักช่วยเหลือร่วมมือกัน สามารถทำงานร่วมกับบุคคลอื่นได้ ทำงานเป็นทีมได้ดี การรวมกันจะทำให้เกิดพลังเพิ่มมากขึ้น
          6. เสริมแรงซึ่งกันและกัน คือ การทำงานเป็นทีม เป็นแรงเสริมซึ่งกันและกัน งานหลายอย่างทำคนเดียวไม่ได้ แต่ทีมทำได้
          7. ลับเลื่อยให้คม เตรียมตัวให้พร้อม หมั่นฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ เพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านร่างกายจิตใจ และความรู้ความสามารถให้ดีขึ้น คิดและทำข้อ 1 ถึง ข้อ 6 อย่างสม่ำเสมอ ฝึกฝนจนกลายมาเป็นอุปนิสัยประจำตัว แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
         ใน 3 อุปนิสัยแรก เป็นชัยชนะส่วนตัว (private victory) ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนอันดับ 4 ถึง 6 เป็นชัยชนะมวลชน (public victory) ทำให้ทำงานที่ยาก ๆ ได้ทำงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนอื่น ๆ ได้ ส่วนข้อ 7 นั้น เป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่เสมอ ทำให้พร้อมที่จะทำงานได้ดีตลอดเวลา...

แหล่งที่มา http://www.dopa.go.th/

เคล็ดเศรษฐีเครือข่าย
สยามธุรกิจ[ ฉบับที่ 862 ประจำวันที่ 16-1-2008 ถึง 18-1-2008]
          ในอาชีพอิสระของโลกธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าคุณเป็นใคร ผ่านมาอย่างไร เมื่อคุณเริ่มต้นและก้าวเดินในโลกธุรกิจเครือข่ายคุณก็เป็นเศรษฐีได้ ไม่ขึ้นกับความรู้ ความสวย ความ หล่อ แต่ขึ้นกับความมุ่งมั่น ความตั้งใจในเป้าหมายของคุณ
“หากคุณเชื่อมั่นว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้ จงหยุดเมื่อสำเร็จ เท่านั้น”

คุณเคยถามตัวเองไหมว่า

อะไรคือเป้าหมายของชีวิต?

คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?

เพื่อใคร?

และอย่างไร?
          ารมีเป้าหมายในชีวิต คือ การที่เรามีภาพของความสำเร็จไว้เบื้องหน้า ซึ่งดูคล้ายกับการต่อจิ๊กซอว์ ที่เราเห็นภาพ ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ทีนี้ก็ขึ้นกับวิธีการของแต่ละคนว่าจะทำอย่าง ไรให้จิ๊กซอว์แต่ละตัวมาต่อกันให้เกิดเป็นภาพนั้นขึ้นมา แต่ถ้าเรา ไม่มีภาพหรือไม่มีเป้าหมายอะไรจะเกิดขึ้น??? บางคนอาจจะคิดว่า ฉันก็มีชีวิตของฉันไปเรื่อยๆ ไม่ได้รบกวนใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ฉันก็มีความสุขดี แล้วคุณค่าของคุณจะอยู่ที่ไหน???
          การมีเป้าหมายในชีวิต คือคำตอบว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพื่อใคร และอยู่อย่างไร ชีวิตเปรียบเหมือนกับการเดินทาง และ นักเดินทางที่ชาญฉลาด ย่อมมีเป้าหมายในการเดินทางเสมอ เขาจะไม่สูญเสียเวลาข้างทาง เพราะจะทำให้เขาไปถึงจุดหมายช้าลง การเดินทางของชีวิต ไม่ได้ราบเรียบและสวยงาม เหมือน โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
          ในระหว่างทางสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ ปัญหาและอุปสรรคเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญให้มาเยี่ยมเยียนเรา มาเพื่อ ทดสอบเรา มาทำให้เราเหนื่อยล้า ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดแรง หมดกำลังใจที่จะเดินต่อไป และทำให้จุดหมายปลายทางนั้นยาว ไกลออกไป
          อะไรคือสิ่งจำเป็นสำหรับนักเดินทางที่จะเอาชนะแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้ คำตอบคือ ความมุ่งมั่นและความสม่ำเสมอ แม้ว่าเราจะเจอกับอุปสรรคขวากหนามและปัญหามากมาย เป็น มรสุมของชีวิตก็ว่าได้ เราก็สามารถที่จะไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด ซึ่งมันอาจจะล่าช้าไปบ้าง ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เพราะ เราทำดีที่สุดแล้ว หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ในการเดินขึ้นภูเขา เวลาที่เราเดินขึ้นภูเขาเราต้องออกแรงมากเป็นพิเศษเปรียบเทียบได้กับช่วง มรสุมชีวิต และเมื่อเราเดินลง เขาเราแทบจะไม่ได้ออกแรงเลย ทั้งๆ ที่เราก็ต้องแบกภาระเหมือนเดิมอาจจะมากกว่าตอนเดินขึ้นเขาด้วยซ้ำ  นั่น เป็นเพราะมรสุมได้ผ่านพ้นไปแล้ว ชีวิตของคนเราย่อม มีขึ้นและมีลงเช่นเดียวกับการเดินเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้จากการเดินคือระยะทางที่เพิ่มขึ้น และแน่นอนว่าเราต้องเดินขึ้นเดิน ลงจนกว่าจะไปถึงเป้าหมาย ขอให้เรามีความมุ่งมั่นและความสม่ำเสมอไว้ในใจ จุดหมายนั้นก็จะใกล้เพียงปลายตา
          การพักผ่อนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง เราไม่สามารถเดินโดยไม่พักไม่ได้ การพักผ่อนเหมือนกับการชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็ม เป็นการชาร์ตทั้งพลังกายและพลังใจ ในระหว่างทางที่เดินเราพบปะคนมากมาย บางคนก็เดินไปทางเดียวกับเรา บางคนก็เดินสวนทางกับเรา ถ้าการเดินทางของเราเต็มไปด้วยความสนุกสนานและรอยยิ้ม แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายก็ตาม เราจะเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นเดินตามโดยไม่รู้ตัว
          บางคนอาจจะยึดเอาคติประจำใจของเราไปใช้ในการดำเนินชีวิต หรือให้เราเป็นแม่แบบ เพราะพวกเขาได้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จจะมาอยู่เบื้องหน้าได้อย่างไร? ความมุ่งมั่นและความสม่ำเสมอ คือหัวใจที่จะนำไปสู่ความสำเร็จทำดีต่อไป คนดีต้องไม่ท้อ แม้นท้อ ก็ไม่ถอย แม้นถอยก็ไม่หนีแม้นต้องหนี ก็ให้หาโอกาส ทำดีใหม่นะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

ช่วงที่ 2 ข้อคิดพิชิตเครือข่าย คุณโค้ช คุณครู
          ระเด็นที่น่าสนใจก็คือถ้าไปศึกษาวิธีการทำงานของบรรดาโค้ชเกมกีฬาต่างๆ จะพบว่าบทบาทของโค้ชเหล่านี้จะมีส่วนคล้ายกับคนที่เป็นผู้บริหารในระดับ ต่างๆ ภายในองค์กร องค์ประกอบที่สำคัญที่ผู้บริหารระดับสูงต้องมีจะพบในโค้ชกีฬาเหล่านี้ทั้ง สิ้น รวมทั้งพวกเทคนิคและแนวทางในการบริหารต่างๆ ที่เราพบในองค์กรธุรกิจทั่วๆ ไป
          โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกดดันที่ โค้ชเหล่านี้ได้รับก็ดูเหมือนจะไม่แพ้ผู้ที่เป็น ซีอีโอ ตามบริษัทยักษ์ใหญ่เลย เนื่อง จากการเป็นทีมอเมริกันฟุตบอลอาชีพแต่ละทีมนั้นมักจะมีจุดมุ่งหมายที่คล้ายๆ กันนั้นคือได้แชมป์หรือชนะเลิศในปีนั้นๆ ทำให้การที่จะบอกว่าในแต่ละปีทีมไหนประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด มีตัวชี้วัดตัวเดียวและค่าเป้าหมายที่ร่วมกัน
          ดังนั้น ในแต่ละปีโค้ชที่ประสบความสำเร็จสุดยอดจริงๆ จะมีเพียงแค่หนึ่งเดียว ซึ่งความกดดันนี้ก็มากกว่าซีอีโอแล้วครับ เนื่องจากในการบริหารองค์กรนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีผู้ชนะเพียงแค่รายเดียว ในหลายๆ อุตสาหกรรมที่มีองค์กรที่ประสบความสำเร็จได้มากกว่าหนึ่งราย และในการบริหารองค์กรนั้นไม่ได้มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนที่จะบอกว่าองค์กรไหน ประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ไม่เหมือนในกีฬา ที่ในแต่ละฤดูกาลจะมีความชัดเจนเลยว่าทีมไหนเป็นสุดยอดของฤดูกาลนั้นๆ
          แรงกดดันสำหรับโค้ชแต่ละทีมให้ประสบความสำเร็จหรืออย่างน้อยพาทีมเข้าสู่รองต่อ ไปได้นั้นมาจากหลายแหล่งครับ ทั้งเจ้าของหรือผู้บริหารทีมที่เป็นคนจ้างโค้ชเข้ามา ซึ่งเปรียบ เสมือนกับผู้ถือหุ้นขององค์กรต่างๆ ที่จ้างผู้บริหารระดับสูงเข้า มาบริหาร หรือจากแฟนของทีมนั้นๆ
          ซึ่งแรงกดดันตรงนี้จะไม่ค่อยพบในการบริหารองค์กรของ ซีอีโอ เนื่องจากไม่มีแฟนขาประจำของทีมคอยเชียร์และกดดันอยู่ข้างๆ และที่โหดร้ายก็คือบรรดาโค้ชเหล่านี้จะถูกเลิกจ้างอย่างง่ายดาย บางคนเพิ่งเข้ามาทำทีมเมื่อต้นฤดูกาล แต่ พอปลายฤดูกาลผลงานของทีมไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้นก็จะถูกยกเลิกสัญญาหรือให้ออก โดยทันที แถมการถูกให้ออกนั้นยังปรากฏเป็นข่าวไปทั่วประเทศ และเผลอๆ ทั่วโลกอีกด้วย
          การจะเป็นโค้ชที่ดีได้นั้นต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญ หลายอย่างครับ คล้ายๆ กับคุณลักษณะของซีอีโอที่ดีเลยครับ แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นครู (Teacher) ที่ดี โดยเขาถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเลยครับ อดีตผู้เล่นที่เก่งๆ หลาย คนไม่สามารถเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จได้  เนื่องจากขาดทักษะในการถ่ายทอดหรือขาดความเป็นครูที่ดี ซึ่งถ้ามองในเชิงของการบริหารก็น่าจะคล้ายๆ กันครับ ว่าผู้บริหารที่ดีต้องเป็นครูที่ดีด้วย นั่นคือไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่ บริหารหรือสั่งลูกน้องลูกทีมอย่างเดียว แต่จะต้องรู้จักสอน ให้คำแนะนำต่างๆ แก่ลูกน้องลูกทีมด้วย เพื่อให้ลูกน้องลูกทีม สามารถทำงานตามแผนได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งเป็นการพัฒนาลูกน้องลูกทีมไปด้วย ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ เครือข่ายต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง จนเป็นโค้ชให้ทีม งานได้ ซึ่งโค้ชที่ดี ต้องดูคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น เห็นคุณคน
          ดูคนออกว่าใครเป็นอย่างไร ควรดูแลช่วยเหลืออย่างไร บอกคนได้ คือต้องรู้วิธีชี้แนะบอกกล่าว เล่าเรื่อง ทำให้ดู หรือ มือที่สาม ทางอ้อม ทางตรง ใช้คนเป็น รู้ว่าใครควรทำหน้าที่ไหน รับผิดชอบอะไรเพื่อให้ทีมเติบโตและสำเร็จเห็นคุณคน คือ เห็นคุณค่า บุญคุณ ของคนที่ช่วยทำให้องค์กรทีมโตขึ้นมา
          ขอให้ทุกท่าน ร่ำรวยเป็นเศรษฐี พร้อมๆ กับเป็นคนดีของครอบครัวและสังคมนะครับแล้วพบกันฉบับหน้าครับ ขอส่งความรักและความปรารถนาดีไปยังเพื่อนนักขายและเพื่อนนักเครือข่ายทุก ท่านครับ

การสร้างแรงบันดาลใจเพื่อไปสู่ความสำเร็จ
เรียบเรียงโดย วัฒนา สุนทรธัย
          บทความนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในเรื่องการเรียน การทำงาน และการพัฒนาชีวิต หากอ่านแล้วไม่นำไปปฏิบัติ ก็ ไม่อาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ ต้องลงมือปฏิบัติอย่างยืนหยัด ต่อเนื่อง และสม่ำเสมอเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ และช่วยให้ผู้ปฏิบัติประสบความสำเร็จในชีวิตได้
ตอนเริ่มต้น: เราจะเป็นอย่างที่เราคิด
          ความสำเร็จเป็นผลของ เจตคติ เจตคติ คือ นิสัยการคิด นิสัยไม่ใช่สัญชาตญาณ หากแต่เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากการทำซ้ำ ดังนั้น การคิดดี พูดดี ทำดี ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะกลายเป็นนิสัยที่ดี ซึ่งเป็นนิสัยแห่งความสำเร็จ นักคิดผู้ยิ่งใหญ่ล้วนคิดตรงกันในประเด็นที่ว่า เราจะเป็นอย่างที่เราคิด อาทิ
          พระวจนะหนึ่งของ พระพุทธเจ้า คือ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
          โซโลม่อน กล่าวว่า เพราะมนุษย์คิด ในหัวใจของเขา เขาจึงเป็นเช่นนั้น
          มาร์คัส ออเรลีอุส เขียนไว้ว่า ชีวิตของมนุษย์คือ สิ่งที่ความคิดของเขาสร้างขึ้น
          ราฟ วัลโด อีเมอร์สัน ก็ยืนยันว่า คนผู้หนึ่งคือ สิ่งที่เขาเฝ้าวนเวียนคิดอยู่ตลอดวัน
          คนเราจึงเป็นในสิ่งที่เรา โปรแกรม สมองเราไว้ คนที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่โปรแกรมเรื่องราวของความสำเร็จไว้ในสมองของเขาหรือเธอ ส่วนคนที่น่าสังเวชจะนำเอาแต่เรื่องแย่ๆ ใส่สมอง ดังนั้น ขอให้นักศึกษาจงเป็น โปรแกรมเมอร์ เพื่อพัฒนาโปรแกรมด้วยตนเอง โดยพัฒนาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในสมอง และหลีกเลี่ยงการนำเรื่องแย่ๆ ใส่สมอง โปรดจำไว้ว่า เราจะเป็นอย่างที่เราคิด
           ดังนั้น จงตั้งใจให้แน่วแน่ในการนำเอาหลักการที่นำเสนอนี้มาปรับปรุงตนเอง เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ตั้งแต่วินาทีนี้

ตอน 1 นักศึกษาคือ ผู้สร้างโลกของตัวเอง
          ความคิดเป็นตัวสร้างโลกของนักศึกษา ดังบทสรุปที่ยิ่งใหญ่ของทุกศาสนา ทุกปรัชญา อภิปรัชญา และจิตวิทยา ที่ว่า... คุณ จะเป็นอย่างที่คุณคิดเกือบตลอดเวลา โลกภายนอกของคุณ คือ ภาพสะท้อนโลกภายในของคุณ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่คุณคิด ทุกอย่างที่คุณคิดจะโผล่ออกมาในความเป็นจริงของคุณอย่างต่อเนื่อง ... (ไบรอัน เทรซี่, 2003: 8).
          การแปลความ หากนักศึกษาคิดว่าตัวเองโง่ เรียนสู้คนอื่นไม่ได้ จะต้องสอบตก และจะต้องรีไทร์ (โลกภายใน) หาก คิดเช่นนี้บ่อยครั้ง ความคิดเหล่านี้จะไปตอกย้ำความล้มเหลว และสิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นก็คือ ความท้อแท้ ความห่อเหี่ยว และหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ (โลกภายนอก) ในที่สุดก็จะประสบความล้มเหลวจริงๆ ทั้งในเรื่องการเรียนและการทำงาน เพราะนั่นคือ การสาปแช่งตัวเอง วาจาของตนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าวาจาของคนอื่น ในทางตรงข้าม หากนักศึกษารักและนับถือตนเอง นักศึกษาก็จะตอกย้ำแต่สิ่งดีๆ ให้กับตนเอง ให้พรตัวเอง มีความเชื่อว่า เราต้องทำได้ เพราะคนจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จนั้น เขามีพื้นฐานทั่วไปแทบไม่แตกต่างจากเราเลย ให้นักศึกษานึกถึงภาพแห่งความสำเร็จของตนเองในวิชาที่เรียน แล้วตั้งเกรดที่ต้องการไว้ จากนั้นวางแผนเพื่อนำไปสู่เกรดคาดหมายที่ตั้งไว้นั้น
          กฎสู่ความสำเร็จข้อหนึ่งคือ ไม่สำคัญว่านักศึกษาจะมาจากไหน ที่สำคัญคือ นักศึกษาจะไปไหน และที่ที่นักศึกษาจะไปนั้นถูกกำหนดด้วยตัวนักศึกษาหรือไม่ นั่นคือ นักศึกษาเป็นผู้ตั้งเป้าหมายนั้นหรือไม่ เพราะ.. เป้าหมาย คือ เชื้อเพลิงในเตาหลอมแห่งความสำเร็จ
          การดำเนินชีวิตโดยปราศจากเป้าหมายที่ชัดเจนเปรียบเสมือนการขับรถท่ามกลางหมอก หนาทึบ ไม่ว่ารถของนักศึกษาจะมีประสิทธิภาพดีเพียงใดก็ตามและแม้จะขับบนถนนที่เรียบ ที่สุด นักศึกษาก็ยังต้องขับช้าๆ อย่างหวาดกลัว ส่วนการดำเนินชีวิตที่มีเป้าหมายชัดเจนนั้น เปรียบเสมือนการขับรถที่ปราศจากหมอกควันมาบดบัง จึงสามารถเหยียบคันเร่งแห่งชีวิตให้ทะยานไปข้างหน้าเพื่อมุ่งไปสู่ความ สำเร็จได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง

ตอน 2 อานิสงส์ของการมีเป้าหมายที่ชัดเจน
          ระหว่างปี ค.ศ. 1979 ถึง 1989 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาดได้ทำการศึกษาพบว่า การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนส่งผลให้นักศึกษาประสบความสำเร็จด้านรายได้ โดยในปี ค.ศ. 1979 นักวิจัยได้ถามนักศึกษาที่สำเร็จ MBA กลุ่มหนึ่งว่า "คุณตั้งเป้าหมายอนาคตของคุณที่ชัดเจนโดยเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรและวางแผนที่จะทำมันให้สำเร็จหรือเปล่า" ผลปรากฏดังนี้
          3% ตอบว่า ได้เขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร และมีการวางแผนไว้
         13% ตอบว่า มีเป้าหมาย แต่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
         84% ตอบว่า ไม่มีเป้าหมาย
          จากนั้นสิบปีต่อมาคือ ในปี ค.ศ.1989 นักวิจัยได้สัมภาษณ์นักศึกษากลุ่มนั้นอีกครั้ง ผลปรากฏดังนี้ กลุ่ม 13% ที่ตอบว่ามีเป้าหมายแต่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นกำลังหาเงินได้โดยเฉลี่ยเป็น 2 เท่าของนักศึกษากลุ่ม 84% ที่ตอบว่าไม่มีเป้าหมาย แต่ที่น่าประหลาดใจมากที่สุดคือ กลุ่ม 3% ที่ตอบว่าได้เขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรและมีการวางแผนไว้นั้น สามารถหาเงินได้โดยเฉลี่ยเป็น 10 เท่าของนักศึกษาทั้งสองกลุ่มที่เหลือ ...นี้คือ อานิสงส์ของการมีเป้าหมายที่ชัดเจน
          ดังนั้น นักศึกษาที่กำหนดเกรดคาดหมายไว้ล่วงหน้า เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรและมีแผนการที่จะบรรลุมันก็น่าจะประสบความสำเร็จ ได้เช่นเดียวกันกับกลุ่ม 3% ข้างต้น เพราะการเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรคือ การให้พันธะสัญญาไว้กับตัวเอง

ตอน 3 การกินช้างหรือการเดินทางหนึ่งพันลี้
          พูดถึงการกินช้างหรือการเดินทางหนึ่งพันลี้ สำหรับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จอาจร้องยี้เพราะนึกถึงการกลืนช้างหรือความไกลของระยะทาง แต่สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จแล้วจะมองเป็นเรื่องปกติ เพราะมีความอดทนสูง เทคนิคการกินช้างก็คือ การกัดทีละคำ ส่วนเทคนิคการเดินทางหนึ่งพันลี้ก็คือ การเริ่มต้นด้วยก้าวแรก (ขงจื๊อ)
        ดังนั้น การทำแบบฝึกความพร้อมก่อนสอบให้ได้ทั้ง 30 ข้อก็เริ่มต้นเพียงข้อเดียว จากนั้นก็ทำต่อทีละหนึ่งข้อเท่านั้น คนที่ประสบความสำเร็จจะนึกถึงวิธีการแก้ไขปัญหาตลอดเวลา ส่วนคนที่ไม่ประสบความสำเร็จจะนึกถึงอุปสรรคเกือบตลอดเวลา

ตอน 4 อานิสงส์ของการมีทักษะ
          สมมติ ว่านักศึกษาต้องการหาหนังสือเล่มหนึ่งในห้องสมุด แต่ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน นักศึกษาอาจใช้เวลาค้นหาเป็นชั่วโมงในครั้งแรก แต่ในครั้งต่อๆไป นักศึกษาจะใช้เวลาหาหนังสือเล่มเดิมเพียงไม่กี่นาที เปรียบเสมือนการแก้ปัญหาโจทย์เลขบางข้ออาจใช้เวลานานกว่าจะทำเสร็จ แต่เมื่อพบโจทย์เลขทำนองเดียวกันอีกในครั้งต่อไป ก็จะใช้เวลาทำเพียงไม่กี่นาทีเพราะนักศึกษามีทักษะในการแก้ปัญหาโจทย์เลขลักษณะนั้นๆแล้ว การแก้ปัญหาโจทย์เลขเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ การฝึกความพร้อมก่อนสอบจะช่วยให้นักศึกษาเกิดทักษะและสามารถทำข้อสอบได้ทันเวลา นี่คือ อานิสงส์ของการมีทักษะ

ตอน 5 อุปสรรคของความสำเร็จ
           คนส่วนใหญ่ยอมแพ้ตั้งแต่ก่อนที่จะพยายามในครั้งแรกด้วยซ้ำ เหตุผลที่เขายอมแพ้ก็เพราะกลัวอุปสรรคและความล้มเหลว ความจริงก็คือ ทุกเส้นทางสู่ความสำเร็จล้วนมีอุปสรรคและคนที่ประสบความสำเร็จมักจะล้มเหลว บ่อยกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่ประสบความสำเร็จจะมีความพยายามมากกว่า โปรดจำว่า ไม่มีใครเกิดมา ล้มเหลว มีแต่ ล้มเลิก เสียก่อน
          โจทย์ เลขข้อหนึ่ง ๆ อาจมีวิธีการแก้ปัญหาได้หลายวิธี หากนักศึกษามีความพยายามที่เพียงพอแล้ว ย่อมจะหาหนทางในการแก้ปัญหาโจทย์นั้น ๆ ได้ในที่สุด คนที่ประสบความสำเร็จจะมีความคิดว่า ทุกปัญหามีทางแก้ แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักจะมีความคิดว่า ทุกทางแก้มีปัญหา

ตอน 6 การผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์
           กฎ 80/20 บอกว่า 20% ของกิจกรรมจะเป็นตัวกำหนดคุณค่าของกิจกรรมอีก 80% ที่เหลืออยู่ นั่นคือ ถ้านักศึกษามีงาน 10 อย่างที่ต้องทำให้เสร็จ จะมีงานเพียง 2 อย่างที่มีค่ามากกว่างาน 8 อย่างที่เหลือรวมกัน ถ้านักศึกษาไม่สามารถทำงานทุกอย่างได้หมดก็ควร ผัดวันประกันพรุ่งในงาน 8 อย่าง เรียกว่า การผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์และฝึกวิธีการทำงานตามหลัก ABCDE ต่อไปนี้
          A คือ งานที่สำคัญมาก และมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสำเร็จ
          B คือ งานที่สำคัญรองลงมา หากไม่ทำจะมีผลกระทบน้อยกว่า A
          C คือ งานที่น่าทำ หากไม่ทำก็ไม่เป็นไร เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์ เป็นต้น
          D คือ งานที่อาจมอบให้คนอื่นทำแทนได้ เพื่อนำเวลาไปทำงาน A
          E คือ งานที่ไม่สำคัญ หากไม่ทำก็ไม่มีผลกระทบใดๆเกิดขึ้น
          คนที่ประสบความสำเร็จจะทำงาน A ก่อนเสมอ หากงาน A มีหลายอย่างก็ทำทีละอย่าง โดยเลือกงานที่ใช้เวลาที่สั้นที่สุดก่อน เพื่อเป็นรางวัลและให้กำลังใจสำหรับการทำงานสำคัญที่สุดชิ้นต่อไป การผัดวันประกันพรุ่งงาน A คือ การล่อลวงตัวเองให้พ้นจากเส้นทางแห่งความสำเร็จ ยกเว้นการผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์เท่านั้นจึงจะเป็นบันไดพานักศึกษาไปสู่ความสำเร็จได้

ตอน 7 ความท้อแท้ที่หัดจนเป็นนิสัย
          คนที่ท้อแท้จนเป็นนิสัยจะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถบรรลุเป้าหมายหรือพัฒนา ชีวิตให้ดีกว่าเดิมได้ ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยการทำอะไรก็ตาม มักจะคิดก่อนเสมอว่า ฉันทำไม่ได้ ฉันทำไม่เป็น ฉันไม่มีเวลา ฉันไม่...ฉันไม่...ฉันไม่... และจะมีเหตุผลมาสนับสนุนโรคท้อแท้ของตัวเองเสมอ เรียกว่า ความท้อแท้ที่หัดจนเป็นนิสัย ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่ชอบสาปแช่งตัวเอง
          วิธีเอาชนะนิสัยท้อแท้เรื่องการเรียนก็คือ ให้ตั้งเกรดคาดหมายระดับ D และวางแผนทำแบบฝึกความพร้อมก่อนสอบให้ได้อย่างน้อย 15 ข้อจาก 30 ข้อ เมื่อทำได้ระดับนี้แล้ว ต่อไปก็ตั้งเกรดคาดหมายให้สูงขึ้นและวางแผนทำแบบฝึกความพร้อมก่อนสอบให้ได้ มากขึ้นตามไปด้วย นาน ๆ เข้าความท้อแท้ก็จะอ่อนกำลังลง และความมั่นใจก็จะเพิ่มขึ้นมาแทน จงนึกถึงคำตอบของการกินช้าง นักศึกษาจะเดินไปสู่เป้าหมายด้วยการก้าวทีละก้าว เพิ่มทักษะทีละอย่าง และพัฒนาไปทีละขั้น

ตอน 8 ความพากเพียรคือเครื่องหมายของความสำเร็จ
          ความพากเพียรเป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าจะนำพานักศึกษาไปสู่ความสำเร็จ แม้พรสวรรค์หรือความอัจฉริยะก็ไม่อาจสู้ความพากเพียรได้
          ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลที่มีความสามารถคนหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า ทุกคนมีพรสวรรค์ แต่ความสามารถต้องอาศัยความพากเพียร
          จอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ บุรุษที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก ได้เขียนไว้ว่า ผมไม่คิดว่าจะมีคุณสมบัติอื่นใดที่สำคัญต่อความสำเร็จมากเท่ากับความพากเพียร มันเอาชนะได้แทบทุกอย่างแม้แต่ธรรมชาติ
          ขงจื๊อ เคยกล่าวไว้เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วว่า ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราไม่ใช่อยู่ที่การไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่การลุกขึ้นทุกครั้งที่เราล้ม
          โธมัส เอดิสัน ผู้ที่ล้มเหลวในการทดลองมากกว่าคนอื่น ๆ เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อผมตัดสินใจเต็มร้อยว่าผลลัพธ์นั้นควรค่าต่อการไขว่คว้า ผมจะมุ่งไปหามันและทำการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
           ดังนั้น คุณสมบัติเดียวที่รับประกันความสำเร็จทั้งในเรื่องการเรียน และการทำงานของนักศึกษาก็คือ ความพากเพียรหรือความตั้งใจที่จะเกาะติดอยู่กับเป้าหมายอย่างเด็ดเดี่ยว

ตอน 9 การลงทุนเวลาเพื่อเกรด A
          การได้เกรด A ต้องลงทุนด้วยเวลา โดยเกรด A มาจากการทำข้อสอบให้ได้อย่างน้อย 27 ข้อจาก 30 ข้อ ข้อหนึ่งๆ หากนักศึกษามีทักษะแล้วจะใช้เวลาทำ 2 - 3 นาที แต่ถ้าขาดทักษะแล้วก็อาจจะต้องใช้เวลาทำข้อละ 10 - 30 นาที ดังนั้น 30 ข้อก็ใช้เวลา 5 - 15 ชั่วโมง หากมีเวลาฝึกวันละ 1 ชั่วโมงก็ใช้เวลา 5 - 15 วัน และหากมีเวลาฝึกวันละ 2 ชั่วโมงก็ใช้เวลา 3 - 7 วัน และเวลาที่ใช้ในการฝึกยังขึ้นอยู่กับพื้นความรู้เดิมของนักศึกษาแต่ละคนด้วย สำหรับการลงทุนเพื่อเกรด B, C, D ก็ใช้แนวทางเดียวกันนี้ สำหรับเกรด F ไม่ต้องลงทุนด้วยเวลาเลย
           ดังนั้น การรู้เวลาในการลงทุนจะประกันให้นักศึกษาต้องเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจ โปรดจำว่า เกรด A ไม่ได้ได้มาโดยบังเอิญแบบถูกหวย แต่ได้มาจากความพากเพียรของตัวนักศึกษาเอง

ตอน 10 การพัฒนาชีวิต
          * Keep Open Mind to Learn ฟ้ามิได้แบ่ง ยอดคน กับ คนธรรมดา ออกจากกัน ยอดคนจะปรากฏขึ้นเสมอ แต่นั้นมิใช่เพราะ ฟ้ากำหนด การที่ยอดคนปรากฏขึ้นมาได้เพราะเขาผ่านการ ฝึกฝน และ เรียนรู้ ที่จะเป็นยอดคน
          * อัจฉริยะ ไม่ ใช่สัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่กำเนิด แต่ต้องได้รับการฝึกฝน เฉกเช่นม้าดีต้องมีคนขี่มาฝึกฝน และนักกีฬาที่ดีต้องมีโค้ชที่ดีมาฝึกฝน
          * Don't Look Down Yourself ไม่สำคัญว่าในอดีตเราเป็นใคร สำคัญที่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นใคร จงเคารพนับถือในความสามารถของตัวเอง ยกย่องและให้เกียรติตัวเอง สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า เมื่อเราปลูกอะไรลงไปเราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ ลงไปในสมอง คำพูดใดๆ ที่เราเคยได้ยินซ้ำๆ ซากๆ เกิน 37 ครั้ง มันจะกลายเป็น อุปนิสัย ของเราทันที ดังนั้น จงปลูกฝังแต่สิ่งดี ๆ ลงไปในสมองของเราจนเป็นนิสัย
          * สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือ สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ อย่าปล่อยให้ความคิดหรือคำพูดของใครบางคนมาตัดสินชีวิตของเรา ในโลกนี้ไม่มีใครมีอิทธิพลกับตัวเรานอกจากตัวเราเอง ชีวิตไม่ใช่เกมกีฬา ไม่มีเวลาพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก และที่สำคัญคือ เป็นกีฬาที่เปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่ได้ โปรดจำว่า ไม่มีใครเกิดมา ล้มเหลว มีแต่ ล้มเลิก เท่านั้น
          * เพียงนักศึกษาคิดว่าตัวเองทำได้ นักศึกษาก็ทำได้ตั้งแต่คิดแล้ว แต่หากนักศึกษาคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ นักศึกษาก็ทำไม่ได้ตั้งแต่ที่คิด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์คือ การตอกย้ำตัวเองว่าทำไม่ได้ แม้แต่ คิด ยังไม่กล้าที่จะคิด แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร? จงกล้าที่จะเผชิญความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือ ครูที่ทดสอบความสำเร็จของเรา
          * มนุษย์ คือจุดศูนย์กลางของเส้นรอบวงที่ไม่มีขีดจำกัด ทำไมเป็นมนุษย์เหมือนกันจึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะมนุษย์แต่ละคนได้รับโอกาส ทางความคิดที่แตกต่างกัน คนที่สำเร็จ มองปัญหาเป็นโอกาส แต่คนที่ล้มเหลวมองโอกาสเป็นปัญหา คนสำเร็จจะปรับตัวเองไปหาโลกภายนอก แต่คนล้มเหลวจะรอให้โลกภายนอกปรับตัวเข้าหาตัวเอง
          * ความรู้ เป็นเพียง พลังอำนาจแฝง ชนิดหนึ่ง ความรู้จะกลายเป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อมันถูกนำไปใช้อย่างชาญฉลาดเท่านั้น
          * ฟังแต่ไม่ได้ยิน ได้ยินแต่ไม่เข้าใจ เข้าใจแต่ไม่ลึกซึ้ง ลึกซึ้งแต่ไม่แตกฉาน แตกฉานแต่นำไปใช้ไม่เป็น จงนำศักยภาพและอัจฉริยภาพที่ซ่อนเร้นในตัวนักศึกษาออกมาใช้อย่างชาญฉลาด

          ตอนจบ คนที่ประสบความสำเร็จเป็นระดับผู้บริหารหรือผู้นำขององค์กรต่างๆ ในโลกนี้ กว่า 85% ล้วนแล้วแต่มิใช่คนเก่ง แต่เป็น คนดี ทั้งสิ้น คนเก่งมักจะมี อัตตา จะไม่ยอมปรับตัวเข้าหาโลก ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ยอมรับการพัฒนาความรู้และสิ่งใหม่ๆ ปกครองคนไม่ได้ คนเก่งอาจใช้เวลาไม่กี่ปีก็สอนให้เก่งได้ แต่ ความดี ต้องใช้เวลาสอนกัน ชั่วชีวิต คนเก่งมักจะขาดความจงรักภักดี ไม่มีความกตัญญูรู้คุณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพเน้นทั้ง ความรู้ และ ความดี ควบคู่กันไป จึงใช้คำขวัญว่า ความรู้คู่ความดี ขอให้นักศึกษาตระหนักถึงคำขวัญนี้ และจงนำไปใช้ประกอบการดำเนินชีวิตต่อไป


เอกสารหรือสิ่งอ้างอิง
1. หนังสือ GOALS โดย Brian Tracy
2. หนังสือ BORN TO SUCCEED โดย Colin Turner
3. อีเมล FORWARD มาจาก Prapas Rukpanya

การสร้างกำลังใจ
โดย: คุณอินทิรา ปัทมินทร
นักวิชาการสาธารณสุข 8 สำนักพัฒนาสุขภาพจิต
          กำลังใจเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหา มีความทุกข์ หรืออยู่ใน ภาวะวิกฤต กำลังใจที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะช่วยให้คุณฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ดังนั้น เราจึงควรมาเรียนรู้ที่จะสร้างกำลังใจให้แข็งแกร่งกัน ดังนี้
          ประการแรก คุณต้องมองโลกในแง่ดี มีความหวัง ต้องคิดอยู่เสมอว่าพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้ ความสำเร็จกำลังรอคุณอยู่ข้างหน้า ถ้าคุณสามารถอดทนผ่านวันนี้ไปได้ พรุ่งนี้คุณก็จะเป็นผู้ชนะ
          ประการที่สอง คุณต้องไม่ลืมอดีต คุณต้องไม่ลืมว่าคุณเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต เช่น เรียนจนจบ มีงานทำ มีครอบครัว มีเงินมีทอง เป็นต้น ซึ่งกว่าคุณจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องผ่านอุปสรรคมาแล้วทั้งสิ้นดังนั้น ปัญหาหรือความทุกข์ที่เกิดขึ้นในวันนี้คุณก็ต้องเอาชนะได้เช่นกัน คุณจะเห็นได้ว่าชีวิตมีขึ้นมีลงอยู่เสมอความทุกข์จึงไม่อยู่กับคุณอย่างถาวร สักวันหนึ่งมันต้องผ่านพ้นไปอย่างแน่นอน
          ประการที่สาม คุณต้องลองศึกษาชีวิตของคนอื่นดูบ้าง จะโดยการดูรายการโทรทัศน์ หรือ อ่านหนังสือก็ได้ คุณจะเห็นว่าคนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต มักต้องผ่านความลำบากทุกข์ยากมาก่อน ทั้งนั้น ควรดูพวกเขาเป็นตัวอย่าง คุณจะได้เกิดกำลังใจและมีใจสู้เหมือนพวกเขา
          ประการที่สี่ ขอให้คุณคิดถึงเป้าหมายในอนาคตอยู่เสมอ เช่น คิดถึงบ้านที่คุณอยากเป็นเจ้าของ คิดถึงรถยนต์ที่คุณอยากได้ คิดถึงปริญญาที่คุณใฝ่ฝัน หรือไม่ก็คิดถึงคนที่คุณรัก เช่น พ่อแม่ หรือลูก บอกตัวเองว่าที่คุณอดทนและต่อสู้อยู่ทุกวันนี้ก็เพื่ออนาคตและเพื่อคนที่คุณ รัก ถ้าคุณทำสำเร็จคุณก็จะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ และทุกคนก็จะมีความสุขด้วยกัน คุณจะได้เกิดกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตมากขึ้น
           หากคุณรู้สึกว่าท้อแท้ ให้กำลังใจตัวเองแล้วไม่ได้ผล ขอให้ลองหากำลังใจจากคนใกล้ชิดดูบ้าง จะเป็นคนในครอบครัว หรือเพื่อนสนิทก็ได้ ลองพูดคุยความทุกข์ในใจกับพวกเขา เขาจะให้กำลังใจคุณได้

แหล่งที่มา : Richtime Network

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น