วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก





บทที่ ๑ กลวิธีจะสร้างพลังความเชื่อ
          ๑. คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลว
          ๒. เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่าคุณเก่งกว่าที่คุณคิด
          ๓. คิดใหญ่ ขนาดของความสำเร็จถูกกำหนดโดยขนาดของความเชื่อของคุณ คิดอะไรเล็กๆ ก็จะประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อย
สรุปอย่างสั้น ๆวิธีการรักษาข้ออ้างในเรื่องอายุก็คือ
          1 มองอายุปัจจุบันของคุณในแง่บวก คิดว่า คุณยังหนุ่ม ไม่ใช่ คุณแก่แล้ว คิดในสิ่งใหม่ เพื่อสร้างความกระตือรือร้น และความรู้สึกของความเป็นหนุ่ม
          2 คำนวณเวลาที่คุณยังสามารถทำงานได้อย่างขยันขันแข็ง อย่าลืมว่าคนอายุ 30 ปี ยังสามารถใช้เวลาที่จะทำงานอีกถึง 80 เปอร์เซ็นต์และคนอายุ 50 ปียังคงเหลือเวลาทำงานอีกถึง 40 เปอร์เซ็นต์ที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
          3 ใช้เวลาในอนาคตทำในสิ่งที่คุณต้องการทำจริง ๆจะเป็นการสายเกินแก้ถ้าคุณปล่อยให้จิตใจของคุณเป็นไปในทางลบและคิดว่ามัน สายเกินไปเสียแล้ว เลิกคิดว่า เราจะเริ่มมานานแล้ว เพราะนั่นเป็นความคิดล้มเหลว

บทที่ ๒ รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ โรคแห่งความล้มเหลว
หลัก 2 ประการเอาชนะข้ออ้างเรื่องโชค
          1 ยอมรับกฎของสาเหตุและเหตุผล พิจารณาอีกครั้งถึงสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็น โชคดี ของคนอื่นคุณจะพบว่าไม่ใช่เรื่องของดวงแต่เป็นเรื่องของการเตรียมการการวาง แผนและความคิดมุ่งสู่ความสำเร็จชึ่งที่เป็นเรื่องที่มาก่อนโชคลาภพิจารณาอีก ครั้งถึงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นโชคร้ายของคนบางคน
          2 อย่าเป็นคนอื่นเพ้อฟัน อย่าคิดให้เปลืองสมองและฝันถึงวิธีการเอาชนะหรือประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องทำ อะไรเลยคุณไม่สามารถทำผลสำเร็จได้ก้าวหน้าในตำแหน่งงานหรือเพื่อให้ประสบชัย ชนะหรือให้ได้สิ่งดีๆในชีวิตตรงกันข้ามหนัก การพัฒนาคุณสมบัติต่างๆในตัวเองที่จะทำให้คุณเป็นผู้ชนะ

บทที่ ๓ สร้างความเชื่อมั่นในตนเองและทำลายความหวาดกลัว
สรุปหลักปฏิบัติในการสร้างความเชื่อมั่นและทำความหวาดกลัวในตัวเอง
          ( 1 )การปฏิบัติเพื่อรักษาความกลัวแยกแยะความกลัวออกมาแล้วทำในสิ่งที่เหมาะ สมการไม่ทำอะไรในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่ากับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ความกลัวและทำลายความมั่นใจ
          ( 2 )พยายามให้เติมกำลังที่จะใส่เฉพาะความคิดที่เป็นบวกลงในความทรงจำอย่าให้ความคิดเป็นลบ และติเตียนตัวเองเติบโตเป็นอสูรกายทางจิตใจปฏิเสธฟื้นความหลังที่ขื่น ทุกประการ
          ( 3 )จัดให้ทุกคนอยู่ในสถานภาพที่เหมาะสมจำไว้ว่า คนเรามีความเหมือนกันกว่าที่จะแตกต่างกันมองทุกคนด้วยความรู้สึกที่เท่าเทียมกันเราก็เป็นเพียงมนุษย์อีกคนหนึ่งและสร้างทัศนคติที่เข้าใจผู้ อื่นคนจำนวนมาก
          ( 4 )ฝึกทำในสิ่งที่จิตสำนึกของคุณที่ถูกต้องสิ่งนี้จะป้องกันความรู้สึกผิดใน จิตใจไม่ให้เกิดขึ้นทำ สิ่งที่ถูกต้องเป็นสูตรแห่งความสำเร็จที่ใช้ได้ผลในทางปฏิบัติมาก
          (5)ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบอกว่า "ผมมั่นใจ มั่นใจจริง ๆ"
ฝึกเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ในกิจวัตรประจำวันของคุณ
          ๑.เป็นคนนั่งแถวหน้า
          ๒.สบตา
          ๓.เดินเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์
          ๔.พูด
          ๕.ยิ้มเปิดเผย

บทที่ ๔ จำไว้ว่าคิดใหญ่ดีกว่าในทุกทาง
          ๑. อย่ามีปมด้อย เอาชนะความรู้สึกที่ดูถูกตัวเอง มุ่งเน้นในคุณสมบัติของตัวเอง คุณดีกว่าที่คุณคิด
          ๒. ใช้คำของคนที่คิดใหญ่ ใช้คำที่ใหญ่ สดใส และรื่นเริง ใช้คำพูดที่ให้สัญญาว่าจะชนะ ใหความหวังความสุข ความรื่นเริง หลีกเลี่ยงคำที่สร้างไว้
          ๓. มองอนาคตให้ไกลขึ้น ดูว่าอะไรจะเป็นไปได้ ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นอยู่ ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งต่างๆ คนอื่นและตัวคุณเอง
         ๔. มองงานของคุณให้ใหญ่ขึ้น คิดอย่างจริงจังถึงความสำคัญของงานที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งคราวหน้า ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่คุณมองงานในปัจจุบันของคุณ
         ๕. อย่าคิดเรื่องจุกจิก เอาใจใส่ต่อวัตถุประสงค์หลัก ก่อนที่จะเข้าไป วุ่นวายกับเรื่องจุกจิกทั้งหลาย ถามตัวเองว่า " มันสำคัญอะไรนักหรือ " เติบใหญ่โดยการคิดใหญ่

บทที่ ๕ วิธีคิดและฝันอย่างสร้างสรรค์
           1.เชื่อว่าเราทำได้ เมื่อคุณเชื่อว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นไปได้ จิตใจของคุณ จะหาหนทางที่จะทำมัน เชื่อว่ามีทางเปิดทางไปสู่คำตอบ ลบคำว่า "เป็นไปไม่ได้" " ใช้ไม่ ได้" " ทำไม่ได้" ไม่มีประโยชน์ที่จะลอง" ออกจากความคิดและคำพูดของคุณ
           2.อย่าให้ความคิดดั้งเดิม ทำให้จิตใจคุณเป็นอัมพาต ยอมรับความคิดใหม่ๆ ทดลองและลองแนวทางใหม่ เป็นคนหัวก้าวหน้าในทุกสิ่งที่คุณทำ
           3.ถาม ตัวเองทุกวันว่า " เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร" ไม่มีข้อจำกัด ในการปรับปรุงตัวเองเมื่อคุณถามตัวเองว่า " เราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร? คำตอบ จะปรากฏขึ้น ลองแล้วคอยดู
           4. ถามตัวเองว่า "เราจะทำให้มากขึ้นได้อย่างไร ? " ความสามารถในการทำงานเป็นสภาวะของจิตใจ การถามตัวเองด้วยคำถามนี้จะส่งสัญญาณให้จิตใจคุณทำงาน หาวิธีที่จะตัดทอนงานที่ไม่จำเป็นต่างๆ องค์ประกอบร่วมของความสำเร็จในธุรกิจก็คือ ทำสิ่งที่คุณทำได้ดีขึ้น (ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์) และทำในสิ่งที่คุณทำให้มากขึ้น (เพิ่มปริมาณของผลผลิต)
          5. ฝึกถามและฟัง ถามและฟังแล้วคุณจะได้วัตถุดิบที่จะใช้ในการตัดสินใจที่ถูกต้อง จำไว้ว่าคนใหญ่ผูกขาดการฟัง คนเล็กผูกขาดการพูด
          6. เปิดใจของคุณ ให้จิตใจของคุณได้รับการกระตุ้น สังสรรค์กับคนที่จะช่วยให้คุณคิดถึงความคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ในการทำสิ่งต่างๆ คลุกคลีกับคนที่อยู่ในอาชีพ อื่น

บทที่ ๖ คุณเป็นไปตามที่คุณคิดว่าคุณเป็น
ข้อแนะนำที่จำทำให้คนอื่นทำงานให้คุณมากขึ้น
          ๑. แสดงทัศนคติทางด้านบวกเสมอเกี่ยวกับงานของคุณ เพื่อว่าลูกน้องจะได้รับความคิดที่ถูกต้อง
          ๒. ในแต่ละวันขณะที่คุณทำงาน ถามตัวคุณเองว่า " ฉันมีค่าในทุกด้านที่สมควรแก่การเลียนแบบหรือไม่ ? นิสัยบางอย่างของคุณเป็นนิสัยของลูกน้องหรือไม่? หล่อหลอมคำถามที่ว่า " นี่เป็นวิธีที่คนสำคัญใช้ใช่หรือไม่" ลงในจิตใจของคุณ ใช้คำถามทำให้ตัวคุณใหญ่ขึ้น และประสบผลสำเร็จสูงขึ้น
กล่าวโดยย่อ จำไว้ว่า
              1. ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดสำคัญ การปรากฏกายของคุณพูดกับคุณ ให้แน่ใจว่ามันช่วยยกระดับขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่น ในตนเองของคุณ การปรากฏกายของคุณพูดกับคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นให้แน่ใจว่ามันพูดว่า "นี่คือคนสำคัญ ฉลาด มั่งคั่ง และไว้ใจได้"
              2. คิดว่างานของคุณสำคัญ คิดแบบนี้แล้วคุณจะได้รับสัญญาจากจิตใจถึงวิธีที่จะทำงานของคุณให้ดีขึ้น คิดว่างานของคุณสำคัญแล้วลูกน้องของคุณจะคิดว่างานของเขามีความสำคัญเช่นกัน
              3. พูดอย่างห้าวหาญกับตัวเองวันละหลายๆ ครั้ง สร้างโฆษณา " ขายตัวเองให้กับตัวคุณเอง " พูดย้ำกับตัวเองในทุกโอกาสว่า คุณเป็นคนชั้นหนึ่ง
              4. ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ถามตัวเองว่า " นี่เป็นวิธีการที่คนสำคัญคิดใช่หรือไม่" แล้วเชื่อฟังคำตอบนั้น

บทที่ ๗ จัดการกับสภาพแวดล้อมของคุณเอาชั้นหนึ่ง
วิธีทดสอบว่า ตัวเองเป็นคนชอบนินทาหรือ ไม่
          ๑. ผมชอบปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับคนอื่นหรือไม่
          ๒. ผมมีเรื่องดีๆ ที่จะพูดเกี่ยวกับคนอื่นเสมอ
          ๓. ผมชอบฟังรายงานเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวหรือไม่
          ๔. ผมตัดสินคนอื่นเฉพาะบนพื้นฐานของความเป็นจริงใช่ใหม
          ๕ . ผมชอบสนับสนุนคนอื่นให้เล่าข่าวลือให้ผมฟัง
          ๖. ผมชอบเริ่มคำสนทนาด้วยคำว่า "อย่าบอกใคร" หรือไม่
          ๗. ผมเก็บเรื่องลับเป็นความลับหรือไม่
          ๘. ผมรู้สึกผิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูดถึงคนอื่นหรือไม่
สรุปการทำให้สภาพแวดล้อมของคุณ นำคุณไปสู่ความสำเร็จ
          ๑. เป็นคนระวังในเรื่องสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับการที่อาหารสร้างร่างกาย อาหารใจ สร้างจิตใจ
          ๒. ใช้สภาพแวดล้อมของคุณทำให้คุณ ไม่ใช่ต่อต้านคุณอย่าให้พลังด้านที่มาจากคนที่มี ความคิดลบ คนที่ชอบคิดแต่ว่าทำไม่ได้ มาทำให้คุณไขว้เขว และคิดอย่างพ่ายแพ้
          ๓. อย่าให้คนคิดเล็กดึงคุณไว้ คนขี้อิจฉาต้องการเห็นคุณล้ม อย่าให้เขาสมหวัง
          ๔. ขอคำแนะนำจากผู้ที่ประสบผลสำเร็จ อนาคตของคุณเป็นสิ่งสำคัญ อย่าเสี่ยงกับที่ปรึกษาอิสระที่มีชีวิตที่ล้มเหลว
          ๕. รับแสงแดดของจิตใจให้มาก สังคมกับคนกลุ่มใหม่ๆ ค้นหาและทำสิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น
          ๖. โยนยาพิษของความคิดออกจากสภาพแวดล้อมของคุณ หลีกเลี่ยงการนินทา คุยเกี่ยวกับเรื่องงานแต่พูดเฉพาะในด้านที่เป็นบวก
          ๗. เอาชั้นหนึ่งในทุกสิ่งที่คุณทำ คุณไม่มีปัญญาเอาชั้นอื่นแพงเกินไป เมื่อเทียบกับคุณภาพของมัน

บทที่ ๘ ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกับคุณ
วิธีการปลูกฝังทัศนคติ ๓ ประการให้เกิดกับคุณ
          ๑. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า ผมกระตือรือร้น
          ๒. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ
          ๓. ปลูกฝังทัศนคติ บริการเป็นอันดับหนึ่ง
สรุปวิธีปลูกฝังทัศนคติที่จะนำให้คุณไปสู่ความสำเร็จ
          ๑. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า "ฉันกระตือรือร้น" ผลตอบแทนมาเป็นสัดส่วนกับความ กระตือรือร้นที่ลงทุนลงไปมีสิ่ง ๓ สิ่งที่จะช่วยทำให้คุณกระตือรือร้นดังนี้
              - ศึกษาให้ลึกซึ้ง เมื่อคุณพบว่าคุณไม่ได้สนใจในบางสิ่งบางอย่างค้นคว้าและเรียนรู้มากขึ้น เกี่ยวกับมัน สิ่งนี้จะสร้างความกระตือรือร้นขึ้นมาได้
              - เพิ่มชีวิตชีวา ในทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ การยิ้มของคุณ การจับมือการพูด แม้แต่การเดิน ทำให้มีชีวิตชีวา
              - การประกาศข่าวดี ไม่มีใครเคยประสบความสำเร็จในทางที่เป็นบวกโดยการประกาศข่าวร้าย
          ๒. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า คุณเป็นคนสำคัญ และทุกคนจะทำให้คุณมากกว่าเมื่อคุณทำให้เขารู้สึกสำคัญ อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้
             - ในทุกโอกาสแสดงความสำนึกในบุญคุณเท่าที่ทำได้ และทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ
             - เรียกคนอื่นโดยเรียกชื่อของเขา
         ๓. ปลูกฝังทัศนคติที่ว่า บริการอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และดูเงินที่จะตามมาเอง ตั้งเป็นกฏว่าคุณจะทำให้คนอื่นมากกว่าที่เขาคาดว่าจะได้รับ

บทที่ ๙ คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น
กฎ ๑๐ ข้อ ทำให้คนชอบคุณ
          ๑. เรียนรู้ที่จะจำชื่อคน การขาดประสิทธิภาพที่จุดนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่า ความสนใจของคุณยังไม่ได้เปิดออกไปเพียงพอ
          ๒. เป็นคนที่เป็นกันเอง เพื่อว่าคนที่พบคุณจะได้ไม่เกิดความเครียด
          ๓. ทำตัวให้เป็นคนง่ายๆ เพื่อสิ่งต่างๆ จะไม่ทำให้คุณหัวเสีย
          ๔. อย่าอวดดี ระวังการแสดงออกที่จะสร้างความรู้สึกว่า คุณรู้ทุกอย่าง
          ๕. ทำตัวให้น่าสนใจ เพื่อที่ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับคุณจะได้บางสิ่งบางอย่างที่มีประโยชน์
          ๖. พยายามที่จะตัดส่วนความ " หลุกหลิก" ของบุคลิกภาพของคุณออกไป แม้แต่ส่วนที่คุณอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว
          ๗. พยายามที่จะไกล่เกลี่ยความไม่เข้าใจทุกอย่างที่คุณเคยมี หรือที่กำลังมีอยู่อย่างจริงใจ บนพื้นฐานของศาสนา ลืมความขมขื่นให้หมด
          ๘. ฝึกชอบคน จนกระทั่งคุณทำได้จริงๆ
          ๙. อย่าพลาดโอกาสแม้แต่ครั้งเดียวที่จะพูดแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น หรือแสดงความเห็นใจในความโศกเศร้าหรือผิดหวัง
         ๑๐. ให้ขวัญและกำลังใจแก่คน และเขาจะมีความรักต่อคุณอย่างแท้จริง

๖ วิธีการที่จะได้เพื่อน
          ๑. แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะในงานปาร์ตี้ การพบปะสร้างสรรค์ บนเครื่องบิน ในงาน และทุกๆ แห่ง
          ๒. ให้แน่ใจว่าคนอื่นจำชื่อของคุณได้เป็นพิเศษ
          ๓. ให้แน่ใจว่าคุณเรียกชื่อคนอื่นถูกต้องตามที่เขาออกเสียง
          ๔. เขียนชื่อคนอื่น และให้แน่ใจค่อนข้างมากว่าคุณสะกดชื่อของเขาถูกต้อง ถ้าเป็นไปได้ขอที่อยู่และเบอร์โทศัพท์ด้วย
          ๕. ส่งจดหมายส่วนตัวหรือโทรศัพท์ถึงเพื่อนใหม่ที่คุณรู้สึกต้องการที่จะรู้จัก ให้ดีขึ้น นี่เป็นประเด็นสำคัญ ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่สร้างสัมพันธ์ต่อเนื่องกับเพื่อนใหม่โดยจดหมาย หรือโทรศัพท์
          ๖. และสุดท้าย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด พูดสิ่งที่รื่นรมย์กับคนแปลกหน้า มันทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นและทำให้คุณพร้อมสำหรับภารกิจข้างหน้า
สรุปการปฏิบัติสำหรับการคิดอย่างถูกต้องต่อคนอื่น
          ๑. ทำให้ตัวเองเบาลงในการที่จะยก ฝึกเป็นคนที่น่านิยมชมชอบ ฝึกเป็นคนประเภทที่คนทั่วไปชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาสนับสนุนคุณ และเติมเชื้อเพลิงให้กับโปรแกรมสร้างความสำเร็จของคุณ
          ๒. เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างความเป็นเพื่อน แนะนำตัวเองกับคนอื่นในทุกโอกาสที่ทำได้ ให้แน่ใจว่าคุณได้ชื่อที่ถูกต้องของคนอื่น และให้แน่ใจเท่าๆ กันว่า เขาได้ชื่อคุณเช่นเดียวกัน ส่งจดหมายส่วนตัวถึงเพื่อนใหม่ของคุณ ถ้าคุณอยากรู้จักเขาเขาดีขึ้น
          ๓. ยอมรับความแตกต่างและข้อจำกัดในมนุษย์ อย่าคาดหวังความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากผู้ใด อย่าลืมว่าคนอื่นมีสิทธิที่จะแตกต่าง และอย่าเป็นคนชอบแย้ง
          ๔. เปิดช่องบวก สถานีจิตใจที่ดี ค้นหาคุณสมบัติที่จะชื่นชอบและยกย่องคนอื่น ไม่ใช่ค้นหาแต่สิ่งที่จะทำให้เกลียด และอย่าให้คนอื่นทำให้ความคิดของคุณลำเอียงกับบุคคลที่สาม คิดสิ่งที่เป็นบวกต่อคนอื่น แล้วคุณจะได้ผลที่เป็นบวก
          ๕. ฝึกเป็นคนเอื้ออารีในการสนทนา เป็นเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ สนับสนุนให้คนอื่นพูด ให้คนอื่นพูดกับคุณเกี่ยวกับตัวเขา ความเห็นของเขา และความสำเร็จของเขา
          ๖. ฝึกเป็นคนเอื้อเฟื้อตลอดเวลา มันทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้น และมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นด้วย
          ๗. อย่าโทษคนอื่นเมื่อคุณพ่ายแพ้ จำไว้ว่าวิธีการที่คุณคิด เมื่อคุณประสบความพ่ายแพ้จะเป็นตัวกำหนดว่าอีกนานเท่าไรคุณถึงจะชนะ

บทที่ ๑๐ . สร้างนิสัยในการลงมือทำ
          ๑. เป็นคนกระตือรือร้น เป็นคนทำงาน เป็นนักทำ อย่าเอามือซุกหีบ
          ๒. อย่ารอจนกระทั่งเงื่อนไขต่างๆ สมบูรณ์แบบ มันไม่มีเกิดขึ้นเผชิญหน้ากับความยุ่งยาก และอุปสรรคในอนาคต และแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้น
          ๓. จำไว้ว่า ลำพังความคิดเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้เกิดความสำเร็จ แต่ความคิดจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้รับการปฏิบัติ
          ๔. ใช้การลงมือปฏิบัติช่วยขจัดความกลัวและสร้างความมั่นใจ ทำในสิ่งที่กลัวแล้วความกลัวจะหายไป ลองทำแล้วคอยดู
          ๕. ติดเครื่องความคิดของคุณด้วยมือ อย่ารอให้จิตใจผลักดันคุณให้ทำแต่ลงมือทำไปก่อน แล้วคุณจะผลักดันจิตใจให้คิด
          ๖. คิดในเกณฑ์ของคำว่า เดี๋ยวนี้ คำว่าพรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า วันหลัง หรือ คำอื่นๆ ที่คล้ายกันนั้น มักเป็นคำที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับคำแห่งความล้มเหลวนั่นคือไม่มีวัน จงเป็นคนประเภท " ฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้"
          ๗. นั่งลงและทำงาน อย่าเสียเวลาเตรียมตัวที่จะทำ เอาเวลานั้นมาทำงานดีกว่า
          ๘. เป็นผู้ริเริ่ม เป็นนักรณรง หยิบลูกบอล และออกวิ่ง เป็นอาสาสมัคร แสดงให้เห็นว่า คุณมีความสามารถและมีความทะเยอทะยาน ที่จะทำ

บทที่ ๑๑ วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
สรุปวิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
          ๑. ศึกษาความพ่ายแพ้เพื่อที่จะปูทางไปสู่ความสำเร็จ เมื่อคุณแพ้ ควรเรียนรู้และเอาชนะในครั้งต่อไป
          ๒. มีความกล้าหาญที่จะวิจารณ์ตัวเอง ค้นให้พบความผิดพลาดและจุดอ่อนของตัวเอง และทำการแก้ไข สิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
          ๓. หยุดโทษโชคชะตา ตรวจสอบการพ่ายแพ้แต่ละครั้ง ค้นหาว่าอะไรผิดพลาด จำไว้ว่าการโทษโชคชะตาไม่ทำให้ใครสามารถไปในที่ที่เขาต้องการจะไปได้
          ๔. ผสมผสานความมุมานะกับการทดลอง ยึดติดกับเป้าหมาย แต่อย่าเอาหัวชนฝา ทดลองวิธีการใหม่ๆ
          ๕. จำไว้ว่า มีด้านที่ดีอยู่ในทุกสถานการณ์ ค้นหาดู มองด้านที่ดี และ หันหลังให้กับความท้อแท้หมดหวัง

บทที่ ๑๒ ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโต
สรุปเป้าหมายการสร้างความสำเร็จ
          ๑. กำหนดให้ชัดเจนว่าคุณต้องการไปทางไหน สร้างภาพพจน์ของตัวคุณเอง ๑๐ ปีนับจากนี้
          ๒. เขียนแผน ๑๐ ปีของคุณ ชีวิตของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญเกินกว่าที่จะปล่อยให้เป็นไปตามดวง เขียนลงในกระดาษในสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จในงานของคุณ ครอบครัว และชีวิตในสังคม
          ๓. ยอมจำนนต่อความปรารถนาของคุณ ตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้รับพลังงาน ตั้งเป้าหมายเพื่อให้สิ่งต่างๆ ได้รับการปฏิบัติจนสำเร็จ ตั้งเป้าหมายและพบความสนุกสนานและเพลิดเพลินในการใช้ชีวิต
          ๔. ปล่อยให้เป้าหมายหลักของคุณเป็นตัวชี้นำชีวิตอัตโนมัติของคุณ เมื่อ คุณปล่อยให้เป้าหมายครอบจิตใจของคุณ คุณจะพบว่าคุณตัดสินใจอย่างถูกต้อง ที่จะบรรลุสู่เป้าหมายนั้นเสมอ
          ๕. ทำงานสู่เป้าหมายทีละขั้น ถือว่าแต่ละก้าวที่คุณทำเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่เป้าหมาย ไม่ว่าก้าวนั้นจะดูเหมือนก้าวเล็กแค่ไหนก็ตาม
          ๖. สร้างเป้าหมาย ๓๐ วัน ความพยายามในแต่ละวัน ในที่สุด จะให้ผลที่ต้องการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
          ๗. เดินอ้อมในการก้าวย่างของคุณ ทางอ้อมมีความหมายเป็นเพียงอีกทางหนึ่ง มันไม่ควรจะหมายถึงการยอมจำนนในเป้าหมายของคุณ
          ๘. ลงทุนในตัวเอง ซื้อสิ่งที่สร้างพลังทางจิตใจและประสิทธิภาพ ลงทุนในการศึกษา ลงทุนในสิ่งที่สร้างความคิด

บทที่ ๑๓ วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำ
หลักการหรือกฏแห่งการเป็นผู้นำ ๔ ประการ
          ๑. แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณต้องการจะมีอำนาจชักจูงใจเขา
          ๒. คิดว่า อะไรคือ วิธีการการจัดการกับปัญหาอย่างมีความเป็นมนุษย์
          ๓. คิดอย่างก้าวหน้า เชื่อในความก้าวหน้าและผลักดันเพื่อความก้าวหน้า
         ๔. หาเวลานอกเพื่อที่จะปรึกษากับตัวเอง
อุทาหรณ์ - ประจำตัว
         - โลกนี้ จะเป็นอย่างไร ถ้าคนทุกคนในโลก เหมือนกับผม
สรุปการคิดที่จะเป็นผู้นำ
          ๑. แลกเปลี่ยนจิตใจกับคนที่คุณต้องการ มีอำนาจชักจูงจิตใจ มันเป็นการง่ายที่จะทำให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาทำ ถ้าคุณจะมองสิ่งต่างๆ จากสายตาของเขา ถามตัวเองด้วยคำถามนี้ก่อนที่คุณจะลงมือทำ "ผมจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ถ้าผมเป็นเขา และเขาเป็นผม "
          ๒. ประยุกต์ใช้กฏ " ความเป็นมนุษย์" ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นถามว่า " อะไรคือ วิธีที่มีความเป็นมนุษย์ในการจัดการกับปัญหานี้ ?" ในทุกๆ สิ่งที่คุณทำ แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก ปฏิบัติต่อคนในแบบที่คุณอยากได้รับการปฏิบัติ คุณจะได้รับผลตอบแทนไม่ช้าก็เร็ว
          ๓. คิดอย่างก้าวหน้า เชื่อในความก้าวหน้า และผลักดันเพื่อความก้าวหน้า คิดปรับปรุงในทุกสิ่งที่คุณทำ คิดมาตรฐานสูงในทุกสิ่งที่คุณทำ ในระยะเวลาหนึ่งลูกน้องมีแนวโน้มที่จะเป็นรูปสำเนาของหัวหน้าของเขา ให้แน่ใจว่ารูปต้นแบบมีค่าควรแก่การทำสำเนา ตั้งเป็นนโยบายส่วนตัวต่อไปนี้ "ที่บ้าน ที่ทำงาน ในสังคม ถ้ามันเป็นเรื่องของความก้าวหน้า ผมเห็นด้วย "
          ๔. หาเวลานอกพูดคุยกับตนเอง และดึงพลังความคิดชั้นสุดยอดของคุณออกมาใช้ การตั้งใจอยู่โดดเดี่ยว ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ใช้มันในการปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา ใช้มันในการค้นหาคำตอบให้แก่ปัญหาส่วนตัวและธุรกิจ ดังนั้นใช้เวลาบางส่วนสำหรับอยู่ตัวคนเดียว ทุกวันเพียงเพื่อที่จะคิด ใช้เทคนิคการคิดที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายใช้ นั่น คือ พูดคุยกับตัวเอง

บทที่ ๑๔ วิธีใช้ความมหัศจรรย์ของการคิดใหญ่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต
ก.
          ๑. คุณชนะถ้าคุณปฏิเสธที่จะสู้กับคนคิดเล็กคิดน้อย การต่อสู้กับคนเล็กจะลดขนาดของคุณให้เท่ากับขนาดของเขา เพราะฉะนั้นยืนอยู่ในตำแหน่งที่ใหญ่ไว้
          ๒. คาดไว้ได้เลยว่าคุณจะต้องถูกแทงข้างหลัง นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าคุณกำลังโต
          ๓ เตือนตัวเองว่าคนลอบกัดมีความเจ็บป่วยทางจิตใจ จงเป็นคนใหญ่และให้ความสงสารแก่พวกเขา คิดให้ใหญ่พอที่จะปลอดภัยจากการโจมตีของพวกคิดเล็กคิดน้อย

ข. เมื่อความรู้สึกที่ว่า " ผมไม่มีสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จ" คืบคลานเข้ามาหาคุณ จงคิดใหญ่ จำไว้ว่าคุณคิดว่าคุณอ่อนแอ คุณก็จะอ่อนแอ ถ้าคิดว่าคุณไม่มีความสามารถเพียงพอ คุณก็ไม่มี ถ้าคิดว่าคุณเป็นคนชั้นสอง คุณก็เป็น โจมตีแนวโน้มทางธรรมชาติของคนที่จะรู้สึกตนเองว่าต่ำต้อย ด้วยเครื่องต่อไปนี้
          ๑. ทำให้ดูสำคัญ มันช่วยให้คุณคิดในสิ่งที่สำคัญ รูปร่างหน้าตาและการปรากฏภายนอกของคุณมีส่วนเกี่ยวพันกับความรู้สึกภายในของ คุณเป็นอย่างมาก
          ๒. มุ่งเน้นในคุณสมบัติของคุณ สร้างวิธีการขายตัวเองให้กับตัวเองแล้วใช้มัน เรียนรู้ที่จะชาร์จพลังตัวคุณเอง รู้จักด้านบวกของตัวเอง
          ๓. วางคนอื่นให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม คนอื่นก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นกลัวเขาทำไมคิดให้ใหญ่เพียงพอ เพื่อที่จะเห็นว่าคุณดีแค่ไหนจริงๆ

ค. เมื่อการทะเลาะเบาะแว้งดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ จงคิดใหญ่ การพยาบาท อาฆาต จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ที่คุณต้องการจะไป
          ๑. ถามตัวเองว่า "จริงๆ แล้ว สิ่งนี้สำคัญแค่ไหนที่จะต้องถกเถียงกัน
          ๒. เตือนตัวเองว่า คุณไม่ได้อะไรเลยจากการทุ่มเถียง แต่คุณจะเสียอะไรบางสิ่งบางอย่างเสมอ คิดให้ใหญ่เพียงพอที่จะเห็นว่าการทะเลาะ การทุ่มเถียง และความพยาบาท อาฆาต จะไม่ช่วยคุณไปถึงที่ๆ คุณต้องการจะไป

ง. เมื่อคุณรู้สึกพ่ายแพ้ จงคิดใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จใหญ่หลวงโดยปราศจากความยาก ลำบากและความผิดพลาด แต่มันเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการถูกทำให้พ่ายแพ้ นักคิดใหญ่มีปฏิกิริยา ต่อความผิดพลาดโดยวิธีนี้
           ๑. ถือว่า ความผิดพลาดเป็นบทเรียน เรียนรู้จากมัน วิเคราะห์ดูความผิดพลาดและใช้มันในการส่งคุณให้ก้าวหน้าไปข้างหน้า กอบกู้ที่เหลืออยู่จากความผิดพลาดทุกครั้ง
          ๒. ผสมผสานความมุ่นมั่นกับการทดลอง ถอยหลังและเริ่มทำใหม่ด้วยวิธีการใหม่ๆ คิดให้ใหญ่พอที่จะเห็นว่าความพ่ายแพ้สภาวะของจิตใจไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

จ. คิดใหญ่เกี่ยวกับความรัก
          ๑. มุ่งเน้นในคุณสมบัติสำคัญที่สุดกับคนที่คุณต้องการให้รักคุณ เก็บสิ่งเล็กๆ น้อย ๆ ไว้ในที่ของมัน ที่ชั้นสอง
          ๒. ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นพิเศษสำหรับคู่ของคุณ และทำบ่อยๆ คิดให้ใหญ่พอที่จะพบความสุขของชีวิตแต่งงาน

ฉ. คิดใหญ่เมื่อความก้าวหน้าของงานช้าลง
          ๑. คิดว่า " ผมสามารถทำให้ดีขึ้น"
          ๒. การบริหารอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
ลิเลียส ไซรัส ได้กล่าวไว้ว่า - คนฉลาดจะเป็นนายของจิตใจ คนโง่จะเป็นทาส

จากหนังสือ คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก
โดย เดวิด เจ. ชวอร์ต
เรียบเรียงโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิราวรากร
บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัดมหาชน
880/43-45 ซอย ตระกูลสุข ถนนอโศก - ดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
10320

ที่มา: mlmlanna.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น