1. กำหนดให้ตัวเราเองนั้นรู้ว่าเราต้องการอะไรในวิถีชีวิตที่จะลิขิตด้วยตัวเรา เอง และบอกกับตัวเองด้วยว่าจะให้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนเมื่อทำได้ตามความต้องการแต่ ละระดับแล้ว
2. ขอให้เปิดใจให้กว้างตลอดเวลาสำหรับคำแนะนำที่จะเกิดขึ้นภายในจิตใจของเราเอง ด้วยการทำใจให้สงบนิ่งมีสมาธิและมุ่งมั่น แต่เมื่อใดก็ตามเมื่อเรามี "สังหรณ์" ว่าควรจะเริ่มแผนของเราหรือจะใช้แผนใหม่ ขอให้ลงมือกระทำโดยไม่ชักช้า
3. ขอให้แสดงออกถึงพลังแห่งความศรัทธาของตนเองโดยการเขียนจุดประสงค์ที่แน่นอน ของเราเองให้ชัดเจน และใช้มันเป็นพื้นฐานสำหรับการรวมศูนย์จิตใจหรือเป้าหมายของเรา
4. จงจำไว้ว่าความตั้งใจ ความพยายามและความศรัทธาของคนเรานั้นจะถูกทดสอบได้หลายๆ ทาง เมื่อพบกับความพ่ายแพ้ชั่วคราว ซึ่งท่านอาจจะพบหลายครั้งทีเดียว เพราะฉะนั้นขอให้เข้าใจว่า เมื่อเราพ่ายแพ้แต่ละครั้งก็คือการกระตุ้นที่จะทำให้เราก้าวหน้าขึ้นทั้ง กำลังใจและกำลังกาย ที่จะเป็นพลังที่จะทำให้เรามุ่งหน้าต่อไปจนกว่าเราจะทำสำเร็จ
5. ขอให้เราตระหนักและยืนยันในเป้าหมายของเราโดยการทบทวนในใจให้บ่อยๆ และเราควรที่จะจินตนาการว่าตัวเราได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้วโดยการสร้าง สิ่งที่จะเกิดทางในใจให้ได้เสียก่อน
6. จงแสวงหาหนทางคบค้าสมาคมกับผู้คนที่สนับสนุนเป้าหมายของเราให้มากๆ เข้าไว้ เพื่อที่จะให้เขาได้มีโอกาสชักนำหรือนำพาเราหรือช่วยเราทางใดทางหนึ่ง
7. เลือกบุคคลที่ตนเองคิดว่าถึงพร้อมทางด้านต่างๆ เอาไว้เพื่อจะช่วยให้เราได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
8. อย่าปล่อยวันและเวลาที่มีอยู่ให้ผ่านไป โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อเป็นการก้าวสู่เป้าหมายของเรา และอย่าใช้ชีวิตแบบลมๆ แล้งๆ
9. พยายามสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวเราด้วย หนังสือ รูปภาพ คำขวัญ สโลแกน ประโยคต่างๆ หรือสิ่งที่กระตุ้นในอันที่จะช่วยเสริมสร้างความศรัทธาอันนำพาความสำเร็จมา สู่เรา
10. จงยืนหยัดที่จะกระทำตามความมุ่งมั่นและศรัทธา สิ่งต่างๆ ที่มีคุณค่าย่อมไม่อาจได้มาเปล่าๆ หากพบกับเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือไม่น่าพอใจจงถือว่าเป็นเรื่อง ธรรมดา ให้เราแสวงหาวิธีการโต้ตอบที่เหมาะสมกับมันให้ถือคติที่ว่า "รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้" แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
รากฐานในการสร้างพลังแห่งความศรัทธา
ฉ.167 อ.สมชาติ
ในตอนต้นที่ได้กล่าวถึงบันไดการเสริมสร้างพลังแห่งความศรัทธาในตอนนี้ผู้ เขียนจะขอกล่าวถึงที่มาที่จะเป็นรากฐานของศรัทธาที่ผู้ใฝ่ฝันแสวงหาความ สำเร็จควรที่จะมี 9 ประการเพื่อความก้าวหน้า คือ
1. ศรัทธาต่อตนเอง :- เช่นเดียวกับปุถุชนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายต้องเชื่อมั่นและศรัทธาต่อตน เองก่อนว่า "เราทำได้" "เป็นไปได้" ฯลฯ
2. สร้างให้ผู้อื่นศรัทธา :- มีนิสัยก้าวให้ล้ำหน้าในการสร้างสัมพันธ์กันกับคนอื่นๆ เสมอ
3 มั่นคงในเป้าหมาย :- คือยืนยันในเป้าหมายอันแจ่มชัดของตนเสมอๆ โดยเฉพาะตอนที่จิตใจสงบ
และเป็นสมาธิ
4. สลัดทิ้งความคิดในแง่ลบ :- ได้แก่ความคิดในแง่ลบทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความอิจฉาริษยาความโลภ ความเกลียด ความงมงายต่างๆ ฯลฯ
5. เสริมสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เสมอ :- โดยมีเป้าหมายที่แจ่มชัดที่สนับสนุนด้วยความคิดริเริ่ม
หรือการกระทำของเรา
6. หาหรือสร้างแนวร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย :- หาพันธมิตรประสานพลังจิต กับคนสักคนหรือมากกว่า ที่จะเสริมสร้างความศรัทธาให้กับเราเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ไม่มีสิ่งใดยาก หากมีความตั้งใจ
ผู้ใด ไม่เคยฝืน ย่อมไม่เคยตก
ไม่มีฝันอันใด ที่เป็นไปไม่ได้
7. เข้าใจใหม่ในเรื่องผลประโยชน์และปัญหา :- อุปสรรค์ต่างๆ นั้นมีผลประโยชน์ที่อยู่ในระดับเดียวกันแอบแฝงมากับมันด้วย ความพ่ายแพ้ชั่วคราวไม่ใช่ความล้มเหลว
ชีวิตเหมือน เรือน้อยล่อยลอยอยู่
ต้องต่อสู้ แรงลมผสมคลื่น
ต้องทนทาน หวานอมขมสู้กลืน
ต้องทนฝืน ยิ้มสู้ไปทุกวัน
8. วิเคราะห์ความบกพร่องที่ผ่านมา :- ด้วยการมองย้อนรำลึกนึกไปในอดีตถึงความผิดพลาดต่างๆ อย่างระมัดระวัง และใช้อดีตเป็นบทเรียนและเป็นบันไดไต่พาเราไปสู่ความสำเร็จดังบทกลอนที่ว่า
อันสงครามแห่งชีวิตหากคิดสู้
ชัยชนะมิได้อยู่ที่แข่งขัน
จะเร็วช้า แข็งแรง แกร่งฉกรรจ์
หากผู้นั้นมั่นใจชัยย่อมมี
9. เชื่อและเข้าใจว่าเรามีพลังแห่งปัญญาอันไร้ขอบเขต :- ซึ่งเป็นผู้จัดระเบียบให้เราก้าวสู่ความสำเร็จจากพลังแห่งความใฝ่ฝันแห่ง ความมุ่งมั่น
"ไม่มีพลังใดที่จะมายิ่งใหญ่ไปกว่าพลังแห่งจินตนาการของมนุษย์และไม่มี อุปสรรคใดที่ขวางต้านการตั้งใจจริงของมนุษย์ไปได้ ถ้าเราตั้งใจจะทำอะไร ให้ได้เราก็ต้องทำสิ่งนั้นได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง"
ผู้เขียนขอฝากบทกลอนที่จะเสริมสร้างความศรัทธาต่อตัวเราให้ก้าวสู่ประตูทอง ของความสำเร็จในบทนี้ว่า
เรามี แขนมีขา กายาครบทั่วถ้วน
ทุกสัดส่วน เหมือนดั่งเช่น คนอื่นเขา
จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ใจเรา
เพียงแต่ว่า จะเอาหรือไม่เอา เท่านั้นเอง
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 166 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16-31 ตุลาคม 2552
อ้างอิงรูปภาพ : www.oknation.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น